วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2566

ตัวผิวหวีด

 

เรื่องสั้นเรื่องนึงในหนังสือรายสะดวกฝรั่ง ลิขสิทธิ์หมดแล้ว(มั๊ง) เพราะมันพิมพ์วางตลาดเกือบร้อยปีแล้ว เขาเอามาให้โหลดฟรีๆ ผมกระแดะแปล(อย่าคิดว่าคำหยาบนะฮะ คือเด็กศิลป์น่ะ มันออกจะไม่ฉลาด คณิตไม่เป็น,ภาษาไม่ไป สนทนาก็อยู่แต่ในแวดวง ออกมานอกวง ฟังไม่รู้เรื่องอีก เอาแต่เพ๊นต์แต่ปั้น.ก็ไม่เก่งอีก)

แปลโดย อภิชาต รอดวัฒนกุล













ตัวผิวหวีด





ดีแกนครางเสียงแผ่วๆ..เขาถูกมัดแขนขาด้วยเส้นหนัง แน่นเหมือนข้าวต้มมัด..นอนอยู่บนหาดกรวดแคบๆ ด้านหนึ่งเป็นบ่อน้ำนิ่งสีดำๆชอบกล ด้านหนึ่งเป็นแนวเขาเหยียดยอดสูง สลับร่องลึกจากการแยกของแผ่นดิน ทอดไปจนลับตา..

ชายอีกคนที่ถูกมัดอยู่ข้างๆ นิ่งเงียบ.นอนมองไปที่ผนังผาสูงด้านริมบ่อ อย่างสนอกสนใจเต็มประดา,เหมือนไม่เดือดร้อนจากสายหนังที่รัดเขาทั้งสองไว้แน่น. ดีแกนส่งเสียงแบบสุดจะทนทาน พยายามเอี้ยวคอ เอาหน้าหนวดรุงรังเอียงมามอง แวนซ์ หุ้นส่วน.

ไงวะ.มึงนิ่งเงียบเรื่องไร?” เขาคำราม "นอนคิดไร? ตอนที่ไอ้เส้นหนังจัญไรนี่ รัดบาดเข้าเนื้อแน่นๆเข้า กูว่ามึงคงแหกปากสนั่น พนันกันก็ได้"

เขาเยาะเย้ย อินเดียนพวกที่จับพวกเขามา.ด้วยความทารุณอันเป็นนิสัยสันดานเดิม เอาเส้นหนังไปแช่น้ำก่อนเอามามัด. เพื่อเชลยจะได้พบความทรมานเหมือนตกนรก หลายชั่วโมงกว่าความตายจะมาปลดปล่อย, และก็สมใจพวกมัน.ตอนนี้แค่ขยับตัวนิดเดียวก็ปวดสุดๆ เส้นหนังที่เริ่มแห้งก็เริ่มหดตัว เริ่มรัด ..ทรมานสุดๆทั้งที่เวลาผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง..

คิดอะไร? ผมจะคิดถึงอะไร?..ละครโอเปร่าอลังการณ์ หรือ

ไอสไตน์มั๊ง” แวนซ์ตอบ ไม่พยายามซ่อนความไม่พอใจสุดๆ ที่คุกรุ่นในใจมานาน. หุ้นส่วนคนนี้ ไม่เข้ามาตรฐานความเป็นเพื่อนร่วมตายในใจของคนจบปริญญาเช่นเขา บกพร่องไปมากมาย.

สวดมนต์อ้อนวอน หรือวิตกว่าไม่มีชุดนอนเหรอ" ดีแกนเย้ย และก็สมใจที่เห็นเพื่อนหน้าแดงด้วยความโกรธ

น่าแปลกแสน ที่คนสองคนนี่ มาร่วมหุ้นออกเสี่ยงโชคกันที่ในป่าทึบยังไม่มีคนสำรวจแบบนี้.. ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันไม่ถึงเดือนเลย แค่ร่วมเมากันในร้านเหล้า ตามธรรมเนียมชาวประเทศเกียนาครั้งเดียว

ย้อนไปหกเดือน ดิ๊ก แวนซ์ มาปลุกปล้ำกับงานบัญชี ของธนาคารสาขาหนึ่งในท้องถิ่นเมืองป่านี้โดนเนรเทศโดยอิทธิพลของลุงผู้ร่ำรวย .เพราะเมื่อพ่อเขาเสียชีวิตลงแบบฉับพลัน รากฐานชื่อเสียงทางธุรกิจ ที่ยังไม่มั่นคงนักที่พ่อสร้างไว้ด้วยความซื่อสัตย์- ฐานะการเงินที่เพิ่งเริ่มก่อตัว ก็พังครืน..หนุ่มร่างเพรียว มีน้ำใจนักกีฬา,จบมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมาหมาดๆ ก็ต้องมาทำงานอย่างทาสในประเทศเถื่อนอย่างนี้ ..ทางหนีมีไม่กี่ทาง..และสิ่งที่ต้องเกิดมันก็เกิด,เมื่อดีแกนต้องการเงินทุนห้าร้อยดอลลาร์ อันเป็นมรดกทั้งหมดของแวนซ์ จากบิตาผู้ที่เคยจ่ายเงินเท่านี้ชั่วคืนเดียวตามสถานเริงรมย์ ถึงจะไม่ใช่ดีแกน ก็คงจะเป็นนักเผชิญโชคนิสัยไม่น่าไว้ใจคนอื่นๆจนได้ ที่มาลั่นกระสุนยิงแวนซ์ จากโต๊ะทำงานมาอยู่ในป่าหลงสำรวจด้านในๆ ของเกียนา.

แค่พายเรือทวนน้ำเชี่ยวเหน็ดเหนื่อยกันขึ้นมาในวันแรกก็รู้แล้วว่า มิตรภาพน่าจะก่อเกิดยาก .นิสัย อารมณ์และหลายสิ่งในตัวทั้งสอง มันแตกต่างกันสุดๆ นักศึกษาจากมหาวิทยาลัย ผู้แสนสุภาพ จิตใจอ่อนโยนและอ่อนไหว.ไม่มีจุดร่วมใดๆที่พอจะเข้ากันได้กับ นักเผชิญโชคหนวดเครารุงรัง อ่านเขียนแทบไม่ได้.ผู้ที่ตั้งแต่เกิดก็ต้องต่อสู้เผ็ดร้อนมากับ ถิ่นเกิดคือป่าดงแสนกันดารและผู้คนหยาบกระด้างรอบข้าง.

ร้อยๆสิ่งในกิจวัตรประจำวัน แต่ละอย่างมันไม่มีที่จะเห็นพ้องต้องกัน ได้ค่อยๆก่อเกิดความเกลียดหน้ากันทีละนิดๆ และจริงแล้ว หากไม่เพราะว่า ทั้งสองต้องช่วยเหลือปกป้องกันและกันเมื่อมาอยู่ในที่แบบนี้ ก็คงจะเดินแยกไปนานแล้ว,ทว่าเขาเป็นคนเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่นกันทั้งคู่,ไม่มีสักครั้งที่ทั้งสองจะละเลิกการตามหาแร่ทองคำ ซึ่งดีแกนได้รับการยืนยันแน่นอนว่าต้องมีอยู่ทางภูเขาด้านนี้ .และระหว่างการเดินทางมาทิวเขาที่ว่านี้แหละ หายนะก็มาถึง

ความเกลียดหน้าระหว่างพวกเขามันมากจน รวมไปถึงการตัดสินใจแทบทุกอย่าง คือต้องค้านกันตลอด แค่ยี่สิบสี่ชั่วโมงที่แล้ว จากการบุกป่าฝ่าดงเหน็ดเหนื่อย ก็มาถึงชายเขตที่หมาย.พวกเขาตกลงที่จะตั้งแคมป์ไว้เก็บอุปกรณ์ และออกเดินสำรวจตัวเบาๆชั้นแรก..เพียงสิ่งเล็กๆอย่างเลือกที่พัก ก็เถียงกันจนได้ ปรกติดีแกนชอบตั้งแคมป์ที่พื้นโล่ง ด้านหลังเป็นผาหินชัน.จะได้มองเห็นภัยจากรอบด้าน.ซึ่งก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด โชคไม่ดี ที่

แวนซ์ไปสนับสนุนเอาง่ายๆ ดีแกนก็เปลี่ยนใจทันที และก็เช่นทุกคราว อาวุโสและประสพการณ์เดินป่า ชนะความหนุ่มและด้อยประสพการณ์ทุกที...ผลลงเอยก็คือ ไปตั้งแคมป์กันใกล้กับดงทึบ บนเนินระดับสูงกว่าพื้นราบข้างล่าง.ระหว่างเนินสองลูก..เมื่อจวนสว่าง หายนะก็มาเยือน. พวก อามิราพีคนป่าเถื่อนแสนโหดแห่งเกียนาบุกเข้ามา..ทั้งสองไม่ทันคว้าปืนยาวยิงสักนัด ..ก็เข้าถึงตัว.

แทนที่จะพบความตายในบัดดลอย่างที่คาด.ทั้งสองถูกมัดหาม โดยนักรบกำยำครึ่งโหลออกมา และไม่ถึงชั่วโมงก็ถูกเหวี่ยงลงบนหาด

กรวดริมบึงแห่งนี้ .และหลังจากการมัดข้าวต้มที่เหมือนจะทำอย่างรีบเร่ง แต่แน่นหนาสุดๆ ก็ถูกทิ้งไว้รอความตาย เหล่าทมิฬล่าถอยกลับ เห็นได้ชัดว่า พวกมันมองซ้ายเหลียวขวาด้วยความหวั่นหวาด..

นอนมองจากตำแหน่งที่ถูกมัดทิ้งอยู่ แวนซ์ไม่เห็นว่า อินเดียนกลัวอะไรที่ตรงนี้ จริงอยู่มันเป็นโขดเขาเปล่าเปลี่ยว สลับร่องหินแยก แผ่ไปทุกทิศสูงขึ้นๆ มีโตรกผาแคบๆเป็นทางน้ำตก นำน้ำจากผาสูงร้อยสองร้อยฟุตตกลงมาบึงดำหาดกรวดที่ทั้งสองกลิ้งอยู่ ผาสูง เรียบ ชัน ดำด่างด้วยกาลเวลาและการกัดเซาะพังทลาย มีเพียงต้นเฟิร์นใบหยาบๆและต้นมอสส์กอมหึมา พอจะเกาะอยู่..ตามซอก ตามช่องแตก แสดงให้เห็นได้อย่างดีว่า ชีวิตบางทีมันเติบโตได้แม้ในที่กันดารที่สุด.แต่นอกจากสัญชาติญาณไม่ชอบที่เปล่าเปลี่ยวอันเป็นธรรมดาไม่ว่าคนป่าคนเมือง แวนซ์ก็ไม่เห็นว่า ทำไมอินเดียนกลัวสถานที่นี่.

ดีแกน คุณนี่โง่แสน แล้วตาบอดด้วยมั๊ง" แวนซ์พูดเรื่อยๆ จงใจโจมตีจุดอ่อนในหนังหนาๆของสหาย

มึง ..ไอ้ลูกหมา" ดีแกนนึกคำด่าตอบได้แค่นี้

สมมุติว่า เราหาทางตัดสายหนังนี่ได้" แวนซ์แนะนำ น้ำเสียงเบื่อและเหนื่อยอ่อนสุดๆ "ผมพูดแค่ให้คุณสนใจโลกรอบตัวน่ะ เห็นไหม ตรงที่เรานอนนี่ริมบึง มีแต่กรวดหินกลมๆคงจะถูกน้ำขัดเหลี่ยมมาชั่วนาตาปียามน้ำหลาก,, แต่ลองมองขึ้นไปตามตีนเขา ตรงที่พ้นกระแสน้ำสูงสุด เศษหินที่แตกร่วงลงมาสุมเป็นกองๆ มันแตกเป็นชิ้นเป็นเหลี่ยมคมๆ ถ้าเราไปถึงกองหินคมๆพวกนี้... การขัดหรือถูบางสิ่งนานๆ จะมีผลทำให้ความทนทานแน่นเหนียวของสิ่งดังกล่าว เสื่อมสภาพลง…” ประโยคหลังนี้ แวนซ์พูดเรื่อยๆ เหมือนกำลังท่องตำราวิทย์สมัยเป็นเด็ก.

ห่า! ไอ้เศษคนเด็กมหาลัย .ถึงตอนนี้มึงยังจะ…?”ด่าได้เท่านี้ดีแกนหุบปากทันใด แสงแห่งความหวังฉายขึ้นมาในประกายตา..

ฮึ? มันฟัง- เออ,, แต่เราไม่ได้อยู่ตรงนั้น" เขาครุ่นคิด พยายามเกร็งและหดกล้ามเนื้อที่พอจะขยับได้ ตะแคงตัวมองขึ้นไป

เขาทั้งสองก็พลิกตัวตะแคงหันหน้าเข้าหาผนังผา. ตั้งตระหง่านขึ้นอย่างน้อยสองร้อยฟุต ส่วนที่เป็นหินกลม เป็นบริเวณแค่สิบสองฟุต พ้นจากนั้นไป ชิ้นหินที่แตกร่วงจากหน้าผาชันสูงลิบ กองสุมกันอยู่เต็มไปเพราะพ้นแนวขัดเซาะจากสายน้ำ พวกนี้แตกเป็นชิ้นเป็นสะเก็ดคมๆทั้งนั้น

แต่ปัญหาใหญ่สำหรับมนุษย์สองคนที่ถูกมัดเป็นข้าวต้มมัด ก็คือ เขาจะผ่านระยะทางแค่สิบสองฟุต ที่เป็นริมน้ำ คือลาดลง ขึ้นไปหากองหินคมๆอันเพิ่งแตกจากหน้าผาซึ่งอยู่ในตำแหน่งสูงกว่าได้อย่างไร,ทางแค่ก้าวสองก้าวนี่แหละ จะไปกันไง? อาจจะได้-ด้วยความทรหดสุดๆเพราะแค่กระดิกตัวพลิกตะแคงนี่ก็เจ็บปวดเหลือทน สายหนังมันรัดแน่นเข้าๆ.

เงียบกันไปสักครู ดีแกนพูดขึ้นก่อน "ไม่รู้แฮะ" พูดอย่างครุ่นคิด. “แต่่ข้าต้องลอง" และครั้งแรกในรอบหลายๆวัน น้ำเสียงเขาไม่มีสำเนียงเยาะเย้ย หยิ่งในวัยและประสพการณ์ป่า อันกวนโมโหแวนซ์ยิ่งนัก "เฮ้ย แวนซ์ แกจะช่วยไหม? มันคงจะปวดสัตว์ๆ แต่เราต้องทำได้, ข้าไม่แน่ใจว่าจะทำได้คนเดียว" ประโยคหลังนี่ดีแกนเสียงอายๆ เมื่อจำต้องยอมรับว่าตนเองต้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น.

เอาเลย ดีแกน ผมจะทำดีที่สุด" แวนซ์พูดง่ายๆ ตอนนี้ก็เหมือนตอนที่ถูกแบกมาโยน เขานอนอยู่ใกล้บึง ไกลกว่าจุดหมาย แต่แค่ก้าวเดียว.

คืองี้นะ.ข้าว่าจะกลิ้งตัวขึ้นเนินไป.พลิกคว่ำ แล้วหงาย แต่คิดว่า คงต้องกลิ้งกลับมาแน่ เพราะความชันของหาด..แต่หากแก ขยับ- เอานิ้วตีนดันดิน แถก.กระเสือกกระสนไงก็ได้ ให้ตัวอยู่ในแนวเป็นฉากกับข้า เอาหัวมาหาข้า เมื่อข้ากลิ้งกลับ ก่อนจะข้ามแก แกก็เอาฟันคาบเสื้อหรือกางเกงข้าไว้ ไปได้หนึ่งพลิก นิ่งดีแล้วข้าก็จะเอี้ยวคอมาคาบเสื้อดึงแก ทั้งแกกระดึบตามมา ให้ขึ้นไปแทนตรงที่่ข้านอนนั้น ทำงี้เรื่อยไป ข้ากลิ้ง แกเป็นหลัก ข้าเป็นหลัก แกแถกตัวตามมา แกจะไหลกลับ-ข้าคาบ ..คงจะเจ็บฉิบหา..เลย" ดีแกนเสริมเหมือนขอโทษที่เสนอให้เพื่อนเจ็บด้วย

เจ็บก็เป็นไร? คุณทนได้ ผมก็ได้" แวนซ์ตอบดื้อๆ ด้วยอารมณ์เย็น

ไม่มีการโต้เถียงต่อไป ทั้งสองเริ่มการขึ้นเนินระยะสั้นๆแต่ไปยากสุดตามวิธีทุเรศทุรังนี้ จะว่าไปนี่เป็นการแข่งขันความทนเจ็บที่ต้องใช้กำลังใจมหันต์ โหดไม่แพ้การเคลื่อนที่ๆว่ายากครั้งไหนๆในประวัติมนุษยชาติ...แค่ขยับกายครั้งแรก ก็เป็นความทรหดสุดๆทนความเจ็บปวดบนเนื้อหนังที่บวมเป่ง- การพิสูจน์ความทรหดที่ทั้งคู่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมรับว่า ตนด้อยกว่า คือยอมเจ็บตายดีกกว่ายอมรับความพ่ายแพ้..

ทีละนิ้ว ทีละนิ้ว พวกเขากระเดือก-กระดึบ-คืบคลานขึ้นฝั่ง แต่ละนิ้ว สายหนังก็กัดเข้าไปในเนื้อบวมเป่ง แต่ละรอยหินแยกที่กลิ้งทับลงไป สายหนังจมหายเข้าไปในเนื้อที่บวมจนแตกออก.เหงื่อและเลือดหลั่งออกอาบร่าง แห้งกรังติดเสื้อผ้า และไม่ช้า หนังก็ลอกหลุด เห็นเนื้อแดง..เต้นตึบๆด้วยความเจ็บ

ชีวิตและโลกของทั้งสอง ตอนนี้หดลงเหลือสองจุด หนึ่งคือฝันร้ายแห่งความปวด สองคือ น้ำใจหินที่จะทน ไม่มีสักวินาทีเดียวที่พวกเขาหยุดเคลื่อนที่ ไปด้วยวิธีแสนทุเรศนี้ และยอมรับว่าตนเองอ่อนกว่า.ทำคนเดียว หรือมีเพื่อนที่ใจหินพอๆกัน การนี้ก็ไม่น่ามีทางสำเร็จ- เลือดและเนื้อหนังบางๆไม่มีทางทนทานได้ และไฟชีวิตเอง ก็ต้องยอมดับลงไปด้วยความยินดียิ่ง.

การข้ามระยะทางสิบสองฟุตใช้เวลานานแค่ไหน ทั้งสองไม่รู้. เวลาสำหรับเขาหยุดนิ่ง ถูกกลืนกลบด้วยมิติที่ใหญ่กว่า คือความทรมาน หลักฐานที่พอจะมีจากการเคลื่อนที่ขึ้นเนินมหาโหดครั้งนี้ก็คือ เลือด หนัง และเหงื่อที่หลุดหรือหยดเปื้อนเป็นทางตามไป.

ถึงแล้วว่ะ เชี่ย!" ดีแกนครางแหบๆ

แวนซ์หัวเราะแผ่ว เสียงเหมือนสัตว์สำลักก่อนตายมากกว่าเสียงคน ทั้งคู่นอนพักนิ่งอยู่่ครู่หนึ่งเงียบกริบ.

ต้องไปต่อ เนื้อพวกเราจะตายไม่ช้าแล้ว" ดีแกนกระซิบ และแหกปากลั่นเมื่อขยับตัวและเจ็บเหมือนโดนเหล็กเผาไฟนาบ

ผมรู้-ต้องขยับตัวไว้" แวนซ์ตอบสัมปชัญญะที่เหมือนจะขาดสิ้นลง และกล้ามเนื้อก็ทำตามสมองสั่ง คือบิดขยับต่อสู้ความปวด

เสือกกายไปอีกนิด ดีแกนก็พบเศษหินแตกที่ด้านล่างฝังแน่นในดิน เขาพลิกกายทับลงไปให้มือที่ถูกมัดสัมผัสคมหิน .เริ่มต้นฝนสายหนังกับหินคม ฝนไปถูไปไม่หยุด ซึ่งคงทำยากมากๆ หากไม่เพราะกล้ามเนื้อเหล็กและใจแกร่งอย่างน่าสยองของเขา. น้ำหนักตัวที่ทับหินก็ทำให้ไม่แค่สายหนังที่เริ่มกร่อน เนื้อก็เริ่มกร่อนไปด้วย. นาทีแล้วนาทีเล่า แขนที่ขยับขึ้นลงเหมือนเครื่องจักรไม่มีหยุด .ส่วนใบหน้าหรือ? ชาเย็นไร้ความรู้สึก กระด้างเหมือนหินแข็งรอบๆนั่นแหละ…และแล้วทันใด ดีแกนพลิกตัวตะแคงฉับพลัน ครางเบาๆ ตามด้วยคำด่าทอขรมถมเถ.

ผีห่ารากไอ้พวกอินเดียนระยำลงนรกทีเหอะ!”เสียงขมขื่นสุดแสน

เฮ๊ย! ขาดแล้วนี่" แวนซ์อุทานแหบๆ

เออ! ตอนนี้แขนข้ามันแข็งเหมือนหิน" ดีแกนคำรามพยายามเรียกความรู้สึกคืน. และไม่นาน ท่อนแขนก็เริ่มเคลื่อนไหวในท่าทางพิลึกๆเหมือนเครื่องจักรที่เริ่มตอบสนองคำสั่ง. “ข้าเป็นนายแกนะ" เขาดุด่าอวัยวะที่ไม่่ค่อยจะยอมทำตามใจ.แล้วก็หยิบสะเก็ดหินคม มาถูเส้นหนังที่ผูกขา คราวนี้ไม่นานมันก็ขาดผึงออก.

ห่าราก ไปไกลๆเลย" เขาด่าขรม หยิบเชือกหนังเปื้อนเลือดขว้างลงไปยังบึงข้างล่าง ก่อนที่เสียงหวือของเชือกหนังและเสียงต๋อมที่มันกระทบน้ำจะจางหาย .บังเกิดเสียงผิวปากดังไม่น้อย ก้องสะท้อนไปตามผนังผาแวนซ์เอี้ยวคอไปมองทางต้นเสียงแล้วก็ร้องจ๊าก เพราะแค่หันคอก็ปวดแสน ตรงนั้นก็มีเพียงกองหินริมผาชัน ฝ่่ายดีแกนพยายามลุกยืน

เสียงอะไรวะนั่น" เขาถามเบาๆเมื่อเสียงก้องหยุดลง

จะไปรู้ได้ไง" แวนซ์ตอบเบาๆ "เสียงผิวปาก แต่จะมีมนุษย์ที่ไหนผิว และก็ไม่เห็นใครสักคน"

เสียงผิวปากแน่ๆ" ดีแกนยืนยัน "มาจากตรงนั้น" ชี้ไปตำแหน่งที่ทั้งสองเห็นพ้องกันว่าเป็นที่มาของเสียง. ที่ตรงนั้นเป็นเพียงผาชัน ถึงจะมีรอยแตกและคลุมด้วยเถาวัลย์และมอสส์ มันก็ไม่สูงหรือหนาพอจะซ่อนสัตว์ที่ตัวโตขนาดมนุษย์ได้.

ขณะที่ทั้งสองกวาดสายตามองหาต้นเสียงไปตามผาหินชัน เสียงหวิวหวีดก็ดังขึ้นอีก คราวนี้เสียงสูงดังขึ้นๆ และหยุดลงในทันที..เหมือนดังมาห่างออกไป ทางละอองน้ำตกลงกระทบบ่อสีดำ

อะไรหว่า?” ชายสูงวัยอุทานเสียงเบาๆ พยายามเพ่งผ่านละอองฝอยน้ำตกเข้าไปหาต้นเสียงให้ได้.

เฮ้.ดีแกน แก้มัดผมที" แวนซ์พูดอย่างร้อนใจ การที่หันไปมองที่มาของเสียงหวีดอันใหม่ไม่ได้ สร้างความหวาดให้ไม่น้อย.

อือ! เผ่นหนีจากนี่กันเร็วเท่าไร ยิ่งดีเท่านั้น มันมีอะไรชอบกลยิ่งว่ะ แถวนี้" ดีแกนตอบ ทรุดตัวลงเลือกหินคมชิ้นหนึ่ง พลิกตัวเพื่อนหนุ่มคว่ำหน้าอย่างเบามือ แล้วเริ่มถูเส้นหนังที่มัดแวนซ์ ถึงนิ้วจะยังปวดชาไม่น้อย ดีแกนก็ถูเส้นหนังอย่างแม่นยำแน่นอน ไม่มีสักครั้งที่จะพลาดไปโดนเนื้อบวมของแวนซ์,ไม่มีหยุดพักกระทั่งแขนแวนซ์หลุดจากพันธนาการ เลือดไหลกลับเข้าเส้นเข้าเนื้อที่เกือบจะตายอยู่แล้วปวดเหมือนฉีดไฟเหลวเข้าเส้น

กระดิกแขนไว้ ไม่ว่าจะเจ็บแค่ไหน" ดีแกนสั่ง เริ่มเฉือนเส้นหนังที่รัดเท้า ไม่หยุดพัก,ไม่นำพาต่อเสียงผิวปากที่เกิดตามกันมา จากโน่นนี่ เหมือนสัญญาณจากแหล่งที่มองไม่เห็น.

และในที่สุดแวนซ์ก็เป็นอิสระ แต่ก็ยังปวดและกระดิกแทบไม่ได้.เสียงผิวหวีดก็ดังเพิ่มขึ้นจากที่ต่างๆ ต้องหันไปมองหาอย่างหวาดหวั่น

ตรงนั้น! พุ่มไม้ไหวเป็นทางขึ้นไป" แวนซ์ร้อง ยกมือที่บวมเป่งชี้ไปตรงรอยแตกใหญ่ของหน้าผา ใกล้ฝั่งบึงดำ ตรงนั้น พืชพรรณทึบหนาและมีความสูงพอจะมองเห็นการสั่นกระเพื่อมเมื่อมีบางสิ่งผ่านขึ้นไป.

ใช่ ข้าก็เห็น ข้างบนอีก ไม่ว่าอะไร ต้องมีหลายตัว"ผู้สูงวัยจ้องมองเขม็ง และเพราะเขาพอลุกยืนได้ มองจากตำแหน่งสูงกว่า มองได้มุมกว้างกว่า.

ตอนนี้แวนซ์ ผู้ที่ยังไม่่หยุดความพยายามที่จะไล่ความปวดชาเรียกความเคลื่อนไหวกลับมา พอจะลุกนั่งได้.และเมื่อมองได้ชัดกว่าตอนนอน ไล่สายตาสูงไปตามผาหิน ยังตำแหน่งหนึ่ง เป็นร่่องลึก ซึ่งตรงนั้นต้นพืชร่วงลงมา เหลือแต่หินเปลือย.ตรงนี้ มีบางสิ่งที่ไม่ใช่เฟริน ไม่ใช่มอสส์ ไม่ใช่พืชใดๆ ปรากฏอยู่.

ดีแกน..อะไรนั่น?” เขากระซิบ ดีแกนหันไปดู สิ่งที่ว่าปรากฏให้เห็นชั่วแวบ ก็เคลื่อนหายไปเงียบกริบ

เหมือนงู" ดีแกนว่า. “แต่ไม่ใช่" แล้วก็มีเศษหินเล็กๆกระเด็นมากราวจากทางซ้ายมาลงตรงเส้นทางเปื้อนเลือดที่ทั้งสองคืบคลานอยู่เมื่อชาติก่อน กระดอนลงน้ำดำไป ทั้งสองหันไปตรงที่มาของเศษหิน ตรงนั้นราวห้าสิบเมตรเหนือขึ้นไป พืชป่าหลุดลอกจากหินผา เป็นชานหินโล่ง

อะไรวะนั่น!?” แวนซ์ร้อง

ฉีบหา" ดีแกนคำราม

แบบนี้ไม่ดีอย่างยิ่ง!ข้าว่าเผ่นเหอะ ไหวไหมเพื่อน?” ดีแกนห่วงใยเพื่อนหนุ่ม

คงไหว- ได้ก้าวเดินคงจะดีขึ้น" แวนซ์ตอบแบบไม่แน่ใจเหมือนกัน ระหว่างที่โต้ตอบกัน ทั้งคู่จ้องเขม็งไปยังก้อนสีเหลืองๆที่เกาะโยกเยกอยู่ที่ชานหินที่ว่านั่น.

สิ่งนี้ไม่เหมือนอะไรที่ทั้งคู่เคยเห็น แม้แต่ในฝัน.รูปทรงมันดูเป็นก้อนๆ ไม่น่าจะเป็นสัตว์ แต่มองแวบเดียวก็รู้ว่ามันมีชีวิต แต่ตัวอะไร?

ในจิตใต้สำนึกทั้งสองพยายามหาหมวดหมู่ในอาณาจักรสัตว์ให้ตัวนี้ แต่ที่น่าสยองคือ เขาหาพวกหาหมู่ให้มันไม่ได้เลย..ที่พอจะยัดเยียดลงไปได้ก็คงญาติห่างๆของหมึกยักษ์ยุคโบราณกระมัง..

สิ่งนี้มีสายหรือหนวดยุ่บยั่บออกมาจากร่างที่กลมยาวคล้ายลูกน้ำเต้า ทรงกายอยู่ในแนวตั้ง. สีเหลืองน่าคลื่นไส้ ตามตัวเป็นรอยพับรอยหยัก ที่แตกต่างจากหมึกยักษ์ก็ตรงหัวต่อหนวด มีแผ่นเนื้อกว้างสักเท่าร่มกันแดด ห้อยรุงรัง.ไอ้ตัวที่ว่า มันเริ่มยื่นสายลงมาสองสายตามหินผา คงควานหาที่เกาะ .ถึงส่วนตัวจะดูเป็นเนื้อนิ่มๆ แต่สายของมันดูแกร่งเหนียวเหมือนเส้นเหล็ก.ตัวนี้ประหลาดจนคนทั้งสองยืนมองเพลิน.กระทั่งสองสายที่ว่า หาที่ยึดได้แน่น ส่วนตัวก็ไหลยืดตามลงมา.เมื่อทรงตัวได้ดี สายอื่นก็ควานลงมาตาม ไหล,เลื่อน หรือเคลื่อนกายลงมาตามผนังผาที่เรียบลื่นได้อย่างรวดเร็ว,โยกส่ายไปมาน้อยๆ สายยุ่บยั่บก็คลำหาที่ยึด เมื่อมั่นคงดีแล้วก็ ส่งเสียงหวีด เสียงใส ดังสนั่น และฟังเหมือนนี่เป็นภาษาใช้เรียกหากันได้.เพราะมีเสียงผิวตอบรับมาจากหลายทิศ.

โหย!เสียงรอบทิศทางแบบนี้มีเป็นโหลๆ" ดีแกนตะโกน

เฮ้ย แวนซ์ อยู่ไม่ได้แล้วว่ะ เผ่นเหอะ พอไปไหวไม๊?” ดีแกนมอง

เลิ่กลั่กไปทุกทาง

ต้องไปให้ได้..เสียงมันใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา..ช่วยพยุงผมหน่อย"

แวนซ์พูดค่อยๆ พยายามยกแขนบวมเบ่ง

เมื่อดีแกนพยุงแวนซ์ลุกยืนอย่างไม่มั่นคงนัก. มีเงาดำๆพุ่งข้ามหัวเขาจากผาหิน ลงไปในบึงดำเสียงน้ำกระจายตูม

อะไรอีกล่ะ?” ทั้งสองพูดพร้อมกัน หันไปมองน้ำดำ ซึ่งสิ่งอะไรที่โดดลงมาจมหายไปแล้ว เหลือแต่วงน้ำวิ่งเข้าฝั่ง และเหมือนด้วยความคิดเดียวกัน คนทั้งสองเหลียวกลับไปมองหน้าผาที่ตัวลึกลับเกาะอยู่-ตอนนี้มันหายไปแล้ว.

ไอ้..ไอ้นั่นโดดลงมาแน่" แวนซ์ร้อง

ท่องป่ามานาน ไม่เคยเห็นเคยได้ยินเลยว่ะ ตัวแบบนี้" ชายสูงวัยยืนยัน ตาก็จ้องไปที่น้ำดำๆ และบัดนี้ พื้นน้ำไม่ว่างเปล่าอีก..เพราะก้อนหัวกลมๆ ที่มองเห็นใกลๆครู่นี้ ค่อยๆโผล่ลงมาให้เห็นใกล้ชิดเสียที. มันน่าสนใจกระทั่งทั้งสองยืนมองไม่ผละหนี.ตอนนี้จุดดำสองจุดบนหัวกลมที่เห็นห่างๆเมื่อกี้ ปรากฏชัดว่าก็คือดวงตา กลมดำ ไม่มีเปลือกตา สองดวง ยิ่งมารวมกับหัว

เกลี้ยงๆ ยิ่งแสดงให้เห็นชัดว่า เจ้าของตามีสติปัญญาลึกซึ้ง และความโหดเหี้ยมไม่ผ่อนปรนวางแผนร้ายได้แยบยลยิ่ง และก็ชัดอีกว่า สิ่งนี้จ้องมองพวกเขาอย่างสนใจเหมือนกัน.. ตอนนี้ปากกลมมีฟันโง้งแหลมซึ่งอยู่ถัดตาลงมาก็โผล่พ้นน้ำ มองดูก็รู้ว่า ฟันนี้แข็งและมีกำลังพอสร้างแผลฉกรรจ์ ถึงหัวมันจะดูนิ่มๆเละๆ ขั้นต่อมาคือแผ่นหนังพังผืดหนาอันเป็นที่เริ่มของสายยาวทั้งหลาย ทั้งสองลืมตัวยืนมองอย่างอัศจรรย์.

มันไม่กลัวเราเหมือนสัตว์ทั่วๆไป เหมือนๆกำลังตัดสินใจว่าจะทำไงกับเราดี"

ผมก็ว่างั้น- เฮ้ย เข้ามาแล้ว" แวนซ์ร้องไม่สบายใจอย่างยิ่ง.เหตุเพราะสัตว์ในบึงแผ่หนังออกโบกไปด้านหลังกวักน้ำเหมือนครีบปลา ส่งให้ร่างของมันพุ่งแหวกน้ำมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว,เมื่อมันโบกครีบหนังอีกครั้งก็เข้ามาใกล้ฝั่งที่ทั้งสองยืนอยู่..ที่ทั้งสองใจเย็นยืนมองอยู่ได้ เพราะลักษณะเนื้อตัวของสิ่งนี้มันเละๆนิ่มๆ ไม่น่ามีภัยร้ายกาจอะไร.แต่ไงๆมันก็ว่ายจี๋เข้ามาหา,

ไปห่างๆนะมึง" ดีแกนตะโกนอย่างดูถูกมือก็เอื้อมหยิบหินเล็กๆ ขว้างไปเต็มแรง เสียงดังตุ้บ เมื่อหินโดนระหว่างตาอย่างจัง เนื้อนิ่มดูจะยุบลงไปสักนิดก่อนหินจะเด้งกลับลงน้ำเหมือนขว้างใส่ก้อนยาง,ก้อนที่สองแฉลบลงไปที่แผ่นหนังโบกน้ำ.ตัวนั้นคงจะเจ็บเพราะมันหยุดว่ายเข้ามา ฟาดสายหนวดตีน้ำกระจาย.

ภาพที่เห็นเหมือนไปกระตุ้นความโหดในใจมนุษย์ทั้งสอง พวกเขาก้มลงคว้าหิน ระดมขว้างใส่สัตว์หวีด เป็นการใหญ่ ถึงแม้ว่าแขนแวนซ์จะยังปวดและไม่มีแรงนัก ในระยะใกล้แค่นั้น ทุกก้อนไม่มีพลาด ในนาทีเดียวหนวดที่ฟาดน้ำตูมตามก็อ่อนแรงลง,หยุดดิ้นหยุดฟาด เป็นก้อนเนื้อรุงรังสายยุ่บยั่บพันยุ่งกระตุกพั่บๆ และหยุดนิ่งในที่สุด เมื่อลอยมาถึงฝั่ง เห็นชัดว่ามันตายแล้ว แต่ชายทั้งสองก็ไม่กล้าเข้าไปดูใกล้ๆอยู่ดี.

ได้แต่ยืนมองเงียบๆห่างๆ แล้วแวนซ์ก็เอ่ยปาก.. “แล้วตัวอื่นล่ะ" บัดนั้นเองทั้งสองเพิ่งรู้สึกว่า เสียงผิวหวีดขรมเมื่อครู่นิ่งเงียบ,เงียบกริบไม่มีเสียงสะท้อนไปมาระหว่างหินผา แต่เป็นความเงียบที่กระเพื่อมไปด้วยความมาดมั่นและกระหายเลือด.

ไม่รู้ว่ะ" ดีแกนตอบ "อยู่ไม่ได้แล้ว เผ่นเหอะตอนยังไม่สาย ไหวไหม?” ..เขาถาม "มาเหอะ ข้าพยุงเอง" ดีแกนโอบแขนรอบไหล่

แวนซ์ ช่วยพยุงเพื่อนหนุ่มผละจากบริเวณนั้น

รอแป๊บ-เอาอะไรก่อน" แวนซ์ตอบเงียบๆ ผละจากดีแกน ขโยกเขยกไปสองสามก้าว ตรงไปที่ผนังหินสีดำ คว้าหินคมก้อนใหญ่ฟาดลงไปตรงที่มีสายแร่สีคล้ายๆหน้าผาแต่เนื้อหยาบกว่า วิ่งเฉียงสูงขี้นไป,

หากพิจารณาใกล้ๆ จะเห็นว่า มีสายแร่แบบนี้ หลายสายไขว้ไปมา บนผนังผา. เมื่อถูกฟาดก็แตกเป็นชิ้นเล็กสองชิ้น ขนาดสักเท่าไข่นกพิราบร่วงลงมาเข้ามือแวนซ์ ชายหนุ่มรีบยัดก้อนนี้ใส่กระเป๋ากางเกงแล้วก็ย่องแย่งกลับมาหาหุ้นส่วน.

ทำไรน่ะ? พนันกันก็ได้ ไม่มีทองสักขี้เล็บตรงนี้" ดีแกนตำหนิเพราะทำให้เสียเวลา

คงใช่-แต่ไอ้นี่น่าสนใจแฮะ" แวนซ์ตอบสั้นๆ และดีแกนเหลือบตาพิจารณาหินผาอีกครั้งด้วยสายตาของนักสำรวจแหล่งทองผู้เชี่ยวชาญ. ก็ยังยืนยันเหมือนเดิมว่าตรงนี้ไม่มีทอง. รีบเอื้อมแขนโอบเพื่อนหนุ่ม พยุงไปทางช่องเปิดในหุบเขา

ลากสังขารกันมาได้แค่สองสามก้าว,เสียงผิวหวีดก็ดังสนั่นขึ้นอีก คราวนี้ดังกว่าเก่ามาก เหมือนจะดังมาจากทุกตรอก -ซอก- รู- ช่อง ดังสนั่นหวั่นไหว .และไม่ต้องคาดเดาเลย เสียงนี้แสดงชัดถึงความเคียดแค้น โกรธชังที่มนุษย์ทั้งสองจะหนีจากไป.

ฉีบแล้ว" ดีแกนอุทาน "พวกมันมองอยู่.มันกำลังเข้ารุมกินโต๊ะเรา" คราวนี้เสียงผู้สูงวัยไม่มีสำเนียงดูหมิ่นศัตรูอย่างเดิมอีก

ผมก็ว่างั้น" แวนซ์เห็นด้วย สองเดนตายพยุงกันล่าถอยได้ก้าวสองก้าวก็ต้องหยุดกึก.เพราะจากผนังหินผาฝั่งตรงข้าม ก้อนดำหนึ่ง-แล้วก็สองดีดข้ามบ่อดำข้ามท้องฟ้าใสไร้เมฆ มาลงตลิ่งนิ่มๆเหมือนนกเป็ดน้ำโฉบลงดิน สายและแผ่นหนังตอนกลางตัวเบ่งพองเป็นเบาะรับแรงกระแทก.

ก่อนที่ทั้งสองจะทันถอยหนี สัตว์นั้นก็เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเข้ามาหา หนวดยุ่บยั่บด้านหน้ายื่นออก เกาะพื้นดึงตัว เป็นจังหวะรวดเร็วยิ่ง สายด้านหลังดันร่างกลมโยกเยกๆ ตระหง่านเหนือพื้น,จังหวะย่างก้าวนี้เร็วจนมองแทบไม่ทัน.ทันใดมนุษย์ทั้งสองก็สำนึกถึงอันตรายใหญ่หลวงที่กำลังเข้ามา,ก้มลงหยิบอาวุธสิ่งเดียวที่พอหาได้ คือก้อนหินเกลื่อนกลาด ที่พวกเขาระดมขว้างใส่สัตว์น่าสยองนั้น และในระยะไม่ถึงสิบก้าว ไม่มีพลาด ทุกก้อนปะทะเนื้อหยุ่นๆอย่างแรง.ตัวผิวหวีดหยุดชงักฉับพลัน ลงนอนดิ้นบนพื้น สายก็ส่ายไปมาพยายามปัดก้อนหินที่พุ่งมาเป็นห่าฝน ฉีกเนื้อนุ่มเละๆเป็นแผลฉกรรจ์

แม้จะถูกระดมจนเนื้อตัวฉีกแทบไม่มีชิ้นดี สิ่งนี้ก็ยังไม่ตาย ความทนทานของมันยอดจริงๆ คว่ำลงไปลุกไม่ขึ้น สายหนวดก็ยังควานฟาดพึ่บพั่บ รุนแรง บัดนี้เห็นได้ว่า ต่อสู้ตัวชนิดนี้ ไม่ยากนัก

จัดการไม่ยากแฮะ" ดีแกนดีใจ ทั้งสองก้าวออกจากเส้นทางถอย เข้าใกล้ผาชันเข้าไปพิจารณาสัตว์ประหลาดนั้น.

ในวินาทีต่อมา หายนะก็มาถึง! มองไม่ทันด้วยซ้ำ เพียงรู้สึกว่ามีสิ่งหนึ่งโจนลงมา ,บางสิ่งนิ่ม ลื่น แต่หนักไม่น้อย โปะลงมาคลุมหัวและไหล่ของแวนซ์ สิ่งนี้เปียก เป็นเมือก แต่ไม่เหมือนใครเอาผ้าเปียกๆ มาคลุมหัว เพราะนี่มันมีชีวิต ครอบลงแล้วก็บีบรัด แน่นจนปวด.จะเอามือดึงออกก็ไม่ได้ เพราะมันรัดแน่นไปถึงแขนและอก เหนียวเหมือนลวดเหล็ก.แวนซ์ช่วยตัวเองไม่ได้เลย หายใจยังไม่ออก ถูกครอบด้วยอะไรก็ยังไม่รู้.

สองสามวินาทีแรก เขาได้ยินเสียงตะโกนแว่วมาเหมือนจากที่ไกล.และถูกกลบด้วยเสียงตุบๆโครมครามอันคือเสียงหัวใจเต้นและเสียงซู่ๆวิ้งๆในหูอันเกิดจากอาการคนขาดอากาศใกล้หมดลม. แวนซ์รู้เพียงว่า เขาถูกอุ้มขึ้น โดดออกมาจากที่เดิมอย่างรวดเร็ว วางตัวนอนลงบนกองหิน รู้สึกหน้าถูกฟาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ว่าอ้อมวงรัดแห่งความตายก็รัดแน่นเข้าๆ ทะลักเข้าไปในหูในปาก และจมูก .หูได้ยินแต่เสียงวิ้งๆของเส้นเลือดที่ขาดอากาศ ความเจ็บปวดแสน ทั้งโลกเป็นสีดำและกำลังวูบดับ.

ทันใด แรงกดรัดอันสยองหยุดลง แผ่นที่คลุมหัวถูกดึงออกไป.แสงตะวันมัวๆส่องเข้าหน้า ปอดก็สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปจนพองแทบแตก.แม้ว่าเมือกรสคาวจัดจะยังเปื้อนตามปากตามตา.ใบหน้าเขาถูกขัดถูอย่างแรงๆ,และในนาทีต่อมา เขาก็มองเห็นฟ้าสดใสและหน้าห่วงใยสุดแสนของดีแกน ก้มใกล้ปากก็พร่ำสั่ง "นอนนิ่งๆแวนซ์ นอนนิ่งๆก่อน"

แม้แต่ยังสลึมสลือระหว่างเป็นตาย.แวนซ์ก็จำได้ว่า ตัวเองนอนอยู่ตรงตำแหน่งที่รอยแยกใหญ่ซึ่งด้านบนโค้งมาบรรจบกันเป็นเพดานอุโมงค์. สักก้าวห่างออกไป กองเละๆที่ประกอบด้วยเยื่อเนื้อหนังฉีกขาดจากบาดแผลใหญ่ คลานลากไส้ลากเครื่องในผละไป มันถูกฉีกตัวจากส่วนกลางถึงริม.

มองเห็นภาพนี้เข้า แวนซ์รากแตกออกมากองใหญ่

ดีแล้ว อ้วกพิษออกมา!ข้าต้องตัดตัวห่านี่เกือบขาดครึ่งเลย มันถึงยอมปล่อยแก" ดีแกนพูดกึ่งขอโทษกึ่งสะใจ.

มันโดดครอบผม?” แวนซ์ถามตัวก็สั่นเมื่ออาการอาเจียนบรรเทาลง

แน่นอนซี! และหากอีกตัวโดดครอบหัวข้า เราก็เป็นศพไปแล้วตอนนี้.ถึงเนื้อมันไม่เหนียวเท่าไร หินก็ตัดขาด" สหายสูงวัยยืนยันหน้าเครียด

.นี่แค่เริ่มต้นนา ตอนที่ข้าช่วยหั่นดึงมันจากแก อีกครึ่งโหลโดดมาลงบึง.ตอนนี้ยังนิ่งๆ เตรียมบุกเราแน่ๆ" เขาคำราม ผงกหัวไปทางบึงดำ

มาอีกครึ่งโหล!" แวนซ์เสียงเอ็ด ยันตัวชโงกมองลงไปที่บึง พอเห็นหัวกลมๆลองฟ่องก็ทรุดกลับลงไปใหม่.ไม่ต้องโต้เถึยงการคาดคะเนของเพื่อนหรอก พื้นที่หลายๆตารางหลา เกลื่อนไปด้วยหัวกลมๆ ยุ่บยั่บแต่่ละหัวเขม้นมองจ้องมา เพียงแวนซ์ขยับตัว ทั้งกลุ่มก็ไหวกระเพื่อม.

เออหว่า..และจากเสียงหวีดที่มันพูดคุยกัน น่าจะมีอีกหกร้อยแหละตามมา.พวกมันเป็นนักฆ่าชั้นยอด แค่สองตัวก็ล้มควายได้แล้ว.ถ้าใช้วิธีโดดคลุมหัว โดดแม่นซะด้วยนะมึง” ดีแกนมองหัวลอยในน้ำแล้วประเมินสถานะการณ์. “ไอ้พวกนี้ไม่ใช่แมลงยิบย่อย ต้องหนีว่ะ เอา! มีมาอีกมึง" เมื่อสัตว์นั้นโดดลงมาสมทบพรรคพวกอีกเป็นสิบ ลงมาแล้วก็มองนิ่งอยู่

ไม่รู้ว่ามันมีแผนอะไรนะ" ดีแกนพูดค่อยๆ "รู้แต่ว่า มันดักเราจนมุมแล้ว หนีออกไปทางโล่ง มันก็โดดครอบหัวเรา.และหากมันแห่เข้ามาพร้อมกัน เราก็ต้านไม่อยู่.มากขนาดนั้น.."เฮ้ !แวนซ์ แกมองหาทางหนีทีวะทางนั้นน่าจะพอมีทางไป..ข้าจะต้านไว้ให้..ตายหอง เร็ว! มันบุกแล้วว่ะ"

แวนซ์ลืมอาการคลี่นเหียนและกล้ามเนื้อกลับว่องไวเปี่ยมพลังในทันที ก่อนจะหันไปทางด้านที่ดีแกนสั่ง ก็เห็นตัวเหลืองดำๆเป็นกระจุกแห่กันเข้ามา ไม่ต้องสงสัยว่า คราวนี้เอาตายแน่ๆ.

มีเสียงวุ่นวาย เสียงงัด เสียงวิ้วของหินใหญ่ และตุ๊บ- เผละ เมื่อ

ดีแกนพยายามหยุดการบุกตลุยนี้ด้วยหินก้อนใหญ่ๆ หยุดไว้ไห้ได้ซักนาทีก็ยังดี แวนซ์กวาดตาขึ้นไปตามผนังผาด้านหลัง,ใจชื้นเมื่อเห็นว่า ผานั้นดูใกล้ๆมันไม่ได้เรียบขนาดกระจก เพราะมีรอยแยก มีหินแตก มีหินทลายลงมากอง มีชะโงกชะง่อนหินซึ่งคงจะเกิดสมัยแผ่นดินแยกครั้งบรรพกาล พอจะเหนี่ยวตัวไต่ขึ้นไปได้ไม่ยากนัก และเลยน้ำตกไปนิด มีรอยแยกใหญ่พอคนจะเข้าได้ รอยแยกนี้ทอดขึ้นไปตามผนังผา และหักมุมหายลับ แต่เห็นได้ว่า ยังมีทางไต่ต่อไป ดูสูงชัน แต่ไม่ถึงกับปีนป่ายไม่ได้ พ้นไปอีก หินผาแตกเป็นสะเก็ด เกิดชานขนาดคนจะหยุดพักได้ค่อนข้างปลอดภัย เป็นระยะ.แต่ว่า มันก็เหมือนเล่นการพนัน ไปถึงเข้าจริงๆ อาจมีช่วงที่ผ่านไม่ได้..แต่ตอนนี้เข้าตาร้ายมากแล้ว แย่แค่ไหนก็ต้องไป.

ฟังนะ,ดีแกน" เขาพูดเร็วปรื๋อ "มีทางเหมือนกัน-หลังน้ำตกผมเห็นรอยแตกใหญ่พอคนเข้าไปหลบได้ และรอยมันแตกสูงเฉียงขึ้นไป ดูพอปีนได้อยู่หรอก ไปทางนี้น่าจะรอด.คุณว่าไง?”

แน่นอน" ดีแกนตอบเร็วเหมือนแซ่ฟาด "เร็ว ช่วยระดมหินใส่มันยันไว้ก่อน โดดลงมาอีกแล้ว" เขาพูดระหว่างหอบแฮ่กๆ กราดหิน

ถอยชิดผนังไปจนสุดลุยข้ามน้ำตกไป รอยแยกอยู่ทางนั้นพร้อมให้เผ่นเมื่อไรบอก..”

ไป..ไป..” ตะโกนแล้วก็หันกลับ มือนึงเกาะผนังผาพยุงตัวเท้าก็ถอยแน่บ.ไปทางแวนซ์แนะนำ .และในนาทีนั้น ก้อนเหลืองดำที่ซ่อนอยู่ตามรูตามเลี้ยวซอกหลืบข้างบน ก็พุ่งแผลวๆ ลงมาตำแหน่งที่เขาอยู่ตะกี้.ลงมาที่บึงดำ สองสามตัวลงมาได้ไกล้น่าขนหัวลุก..คราวนี้พวกมันคลานแห่ไล่มายุ่บยั่บ ตัวเร็วบางที่ปีนข้ามตัวช้า..เหมือนสายน้ำหลากสีดำ..แต่ตอนนี้มนุษย์ทั้งสองถอยไปถึงสายน้ำตกแล้ว ไม่ลังเลที่จะโดดไปตามหินตะกายตัวพรวดเข้าไปหลังน้ำตก ไม่ผิดหวังเลย ที่นี่มีช่องแตกที่ไม่ชันเกินกว่าจะปีนป่ายกันได้.แม้จะลื่นไปด้วยตะไคร่พืชน้ำ.ความคิดถึงสิ่งที่ไล่กวดมาทำให้ทั้งสองออกแรงกันสุดฤทธิ์.

ระวังลื่นกลับลงไปนะเพื่อน" ดีแกนร้องเตือนขณะที่ไต่นำหน้าไปอย่างไม่น่าเชื่อว่าคนน้ำหนักมากและสูงอายุขนาดเขาจะทำได้.

ในนาทีต่อมาทั้งสองก็พ้นทางน้ำ ไต่ขึ้นไปตามทางแห้งชัน. ช่วงนี้รอยแยกผาหินแคบ ร่องสลับไปมา แต่ก็มีทางให้ปีนสูงขึ้นๆ แต่ก็พอมีแง่มีปุ่มให้มือเกาะเท้าเหยียบ ขึ้นกันไปเหลืออีกราว ยี่สิบฟุตจะขึ้นถึงยอด แง่ปุ่มจะยึดก็ชักเล็กลงและมองหายาก..หรือจะหนีได้เท่านี้? แต่ตัว"โชคดี" ซึ่งบัดนี้ยัง ติดตามพวกเขามาไม่ละจาก เหมือนครึ่งวันที่แล้ว ก็แสดงตนอีก คือ ถัดลงไปสักสิบฟุตด้านซ้าย มีชานหินกว้างพอใช้ยื่นออกมา และยังมีชานพวกนี้ ลดหลั่นขึ้นไปถึงยอดผาสูงขึ้น เหมือนบันไดขั้นใหญ่.

คนทั้งสองโดดลงไปบนชานหินนี้ เงียบและว่องไว.ยืนสูดลมเข้าปอดเคียงข้างกัน, สี่ตาช่วยกันกวาดเครียดเคร่ง ไปตามบริเวณธรรมชาติที่ยุ่งเหยิงอย่างน่าอัศจรรย์.ตาม โขด,ช่อง,รูเลี้ยว กอพืช สักร้อยแห่ง มีที่ให้ศัตรูซุกตัวอยู่ทั้งนั้น.

ตาไม่เห็นอะไรผิดปรกติ หูก็ไม่ได้ยินเสียงผิวหวีดที่น่าสยอง เสียงน้ำตกก็ไม่ได้ยินจากตรงนี้ อาจเป็นเพราะตำแหน่งที่เขาขึ้นมาอยู่ในมุมอับเสียงอะไรสักอย่าง และเป็นได้ว่ามันอับมันลับจน ตัวผิวหวีดไม่รู้ว่าเขาปีนมาอยู่ตรงนี้.ทั้งคู่ได้มีโอกาสพักหายใจ.

แวนซ์" ดีแกนกระซิบ "ข้าไม่ชอบไอ้สถานที่ห่าเหวนี้เลย.เราหยุดไม่ได้.ต้องไปต่อ ก่อนที่จะมืดค่ำอยู่ตรงนี้"

มืด.ค่ำ,กลางคืน !?” แวนซ์ทวนคำด้วยเสียงสั่นสยอง "ตรงนี้ไม่เอา!คุณนำไป คุณเก่งกว่าผมทางด้านนี้" เขาพูดง่ายๆ

ตามมา ดีแกนนำเพื่อนหนุ่ม ขึ้นสู่ชานกว้างสูงขึ้นไป

เมื่อแวนซ์ขยับจะก้าวตาม, ก้อนดำใหญ่ก็พุ่งข้ามหัวเขาเฉียดฉิวขนาดปัดปีกหมวกที่ยังอุตส่าห์เหลือติดหัวไป แล้วก็ มีเสียงดังพลุบ.ดีแกนผู้บัดนี้โซเซจะล้มลง มีตัวผิวหวีดเกาะครอบอยู่บนหัว. มันเริ่มรัดด้วยสายที่เหนียวเหลือหลาย ส่งเสียงบ่นงึ่มงั่มพึมพำปนหวีดหวิวน่าขนลุก. แวนซ์ตะลึงมองเพื่อนสูงวัยผู้ซึ่งบัดนี้ถูกครอบตั้งแต่หัวถึงเอว เป็นถุงครอบที่น่าสพึงกลัว ถุงที่กระเพื่อมและรัดแน่นเข้า.แน่นเข้า แน่นสนิทจนมองหัว.แขน ลำตัวดีแกนเป็นรูปชัดเจน.

แวนซ์ไม่ใช่คนอ่อนแอ รับรองได้ว่าเลือดในตัวเขาไม่มีเลือดขี้ขลาดสักหยด แม้กระนั้นชายหนุ่มยังต้องบังคับข่มใจสุดๆ ก่อนจะโดดเข้าคลุกวงใน สองมือพยายามแกะ จิกนิ้วดึงถุงมรณะให้หลุดจากหุ้นส่วน. เนื้อที่ดูนิ่มเละของตัวผิวหวีด ไม่มีท่าทางว่าจะหลุดเผยอ ออกแม้สักนิด ลื่นหนีนิ้วได้เสียอีก บัดนี้ รัดแนบแน่นจนแทบเป็นผิวนอกของดีแกน.แวนซ์รู้ดีว่า อุดปากอุดจมูกแน่นแบบนี้ ดีแกนจวนขาดอากาศอยู่แล้ว...แน่นอนที่สุด สัตว์นี้เป็นเครื่องมีฆ่าที่มีประสิทธิภาพมากๆ มันรัดมันบีบ มันเค้นอย่างเลือดเย็นเงียบกริบ แต่ทรงพลังแสน ตอนนี้มีเพียงเสียงรองเท้าส้นเหล็กของดีแกน กระทืบพื้นหินไปมา.ไม่มีเวลาจะไปหาเศษหินมาเฉือนเหมือนคราวดีแกนช่วยเขาตรงพื้นเกลื่อนเศษหินคมข้างล่าง รอบกายมีเพียงชานหินว่างๆ ลงไปหาข้างล่างอาจจะพบ แต่เวลาไม่มีแล้ว แต่ละเสี้ยววินาทีนำความตายมาให้สหายสูงวัย.

แวนซ์เสียสติไปในบัดดล,ความบ้าเลือด ความโกรธแค้นแบบสัตว์ป่าเข้าสิงใจเขาหมดสิ้น.ร้องตะโกนเป็นคนบ้า แวนซ์โดดเข้าหาเพื่อน ปะทะกันล้มลงไปบนพื้น แล้วอ้าปากงับลงไปตรงส่วนหัวสัตว์ผิวหวีด มันพยายามกัดตอบด้วยฟันแหลมคม แต่กัดไม่ถนัดแวนซ์เลือกที่งับอย่างดี กัดไม่ปล่อยเหมือนหมาบูลด๊อก ฝ่ายสัตว์ผิวหวีดก็ไม่ปล่อยสายที่รัดดีแกน..งับ,กระชาก,ทึ้ง ดึง..เหมือนหมาป่า.ด้วยกำลังคนบ้า แวนซ์ฉีกชิ้นเนื้อตัวผิวหวีดออกมา ก้อนใหญ่.ขนาดหลุดติดปากเนื้อที่ว่ายังดิ้นดุกดิกพยายามรัด...แวนซ์ถ่มก้อนนั้นทิ้ง งับต่อเข้าไปในแผลใหญ่..งับ..ดึง .กระชาก ในนาทีนี้เขาคือมนุษย์ถ้ำดึกดำบรรพ์ ไม่มีอาวุธอื่นนอกจากฟันและเล็บที่ธรรมชาติมอบมาให้ ก็จะใช้ฉีกเนื้อศัตรูจนขาดใจ ตัวผิวหวีดเริ่มตอบโต้ ละสายบางเส้นมารัดแวนซ์ แต่สายส่วนใหญ่ยังรัดดีแกนแน่น.และทุกวินาที ฟันและกรามที่เปี่ยมพลังของวัยหนุ่ม ก็ฉีก- ขุด-ดึง-กระชากลึกลงไปๆในแผลและเนื้อศัตรู ของเหลวคาวคลุ้ง ทะลักเข้าไปในจมูก บ้างก็ไหลเข้าในคอขมปี๋.แต่บัดนี้ ความเป็นคนเถื่อนได้ตื่นตัวเต็มที่ ไม่มีสนใจขยะแขยงสิ่งเล็กน้อยเช่นนี้,เมื่อเห็นว่าแทะลึกและสร้างแผลฉกรรจ์หลายแห่งพอแล้ว แวนซ์ยกสัตว์ผิวหวีดขึ้นจากตัวดีแกน มันร้องฟึ่ด เนื้อขาดดังแคว่ก เมือกคาวฟุ้งกระจายเปื้อนเนื้อตัว เครื่องในก็ปลิวว่อน ฉับพลัน เส้นยึดทั้งหลายก็อ่อนแรงลง ไม่ใส่ใจในอาการชักกระตุกก่อนจะตายของศัตรู แวนซ์ยกสิ่งทุเรศฉีกขาดรุ่งริ่งเมือกคาวเยิ้ม หลุดออกจากดีแกน ชูขึ้นและทุ่มไปทางหนึ่ง

.

แวนซ์จ้องร่างที่นอนนิ่งไม่กระดิกของดีแกน. ความคิดที่ว่า ในที่สุด มรณะเทพอาจจะชนะจนได้,และ บัดนี้ เหลือเขาเพียงลำพังอยู่ในป่าดิบสยอง มันร้ายจนไม่อาจทน. เขาสำนึกได้ในบัดดลว่า เพื่อนสูงวัยผู้ไม่รู้หนังสือ แต่บึกบึนทรหดยิ่ง แท้จริงแล้วคือที่พึ่ง, แท้จริงเป็นหลักใหญ่มั่นคงแสนทรงพลังในยามยาก ร่วมตายก็ยังได้ ; ในนาทีนั้น .ความแตกต่างทางนิสัย สันดานและชนชั้น หายไปสิ้นจากใจเด็กมหาวิทยาลัยหนุ่ม ไม่มีหวนคืน…

ขณะเมื่อแวนซ์ก้มลงฟังหัวใจดีแกน.เปลือกตาของดีแกนผู้ทรหดก็กระพริบแล้วเปิดขึ้น.แวนซ์รีบคลายสายห้อยเครื่องรางดีแกนที่คอ ใช้หมวกตัวเองพัดกระพือให้ลมเพื่อนสูงวัย.เมื่อปอดใหญ่ในอกทรงพลังได้รับอากาศนำชีวิต ไฟชีวิตก็กระพือลุกโชน และทันใด ตาเขาจับไปที่ร่างเละๆที่ยังกระดุกกระดิก ร่างที่เกือบนำความตายมาให้.

ไอันั่น มันโดดครอบหัวข้า" เขาพึมพำเสียงแหบ "ไอ้นั่น มันรัดข้า" ดีแกนพูดวนเวียนเหมือนยังคุมสติไม่ได้

มันบีบข้า. คลุมหัวคลุมตัวมึดมองไม่เห็นหายใจไม่ออก แกะก็ไม่หลุด..โอย พระช่วย! “

ใช่ !ผมเจอมาแล้วรู้ดี- เหมือนฝันร้ายในนรก" แวนซ์ว่าเสียงสั่น

ดีแกน,เราต้องไปต่อเดี๋ยวนี้ จวนมืดแล้ว.พวกข้างล่างอาจได้กลิ่นเรา ไอ้ตัวนี้ผมว่ามันไปข้างนอกมาเพิ่งกลับ- มาจากข้างบนยังไม่รู้ว่าข้างล่างเขามีอะไรกัน- เราพักไม่ได้" เขาเร่งรัด,เพราะดีแกนทำท่าจะนอนต่อ แม้จะดูดีขึ้นมาก ยันกายมองสัตว์ผิวหวีดเละๆที่ยังดิ้นพั่บๆ แล้วก็นึกได้ว่า แวนซ์กำลังมองอยู่.

ไปซี-ขอเวลาข้าแป๊บเดียว หายใจหายคอ..” เขาคำรามในคอ "แกพูดถูก.จวนมืดอยู่แล้ว" เขากล่าวเสริม และผลุดลุกยืนในทันที หวาดเกรงยามราตรีที่ย่างเข้ามาสุดๆ

ฮือ ทางนี้แหละ ทางไหนก็เสี่ยงเหมือนกัน" แวนซ์ออกนำหน้า และตอนนี้เสียงของเด็กมหาวิทยาลัยหนุ่ม หนักแน่นมั่นใจ..ดีแกนเดินตาม ไม่สังเกตด้วยว่าใครนำใคร.





ดีแกน นั่งดูดบุหรี่นิ่งอยู่บนม้านั่งในสวนสาธารณะมาราวสองชั่วโมง.ตั้งแต่แวนซ์แยกจากไป ,เมื่อเช้านี้ สังขารบอบช้ำสาหัส ย่ำมาถึง เมืองเล็กๆ..เมืองยอร์ช ทาวน์.ทิ้งปืนทรงเทอะทะแต่คุณภาพใช้ได้ กับสัมภาระ เล็กๆน้อยๆที่ติดตัวมา ไว้ในห้องพักแคบๆอุดอู้ ซึ่งเจ้าของลูกครึ่งคนขาว-อินเดียน จัดให้พัก สภาพห้องก็ตามจำนวนเงินที่ดูออกว่า น้อยเต็มที. เมื่อทนความอุดอู้คับแคบของที่พักไม่ได้ทั้งสองก็ชวนกันออกมานั่งใน สวนพฤกษชาติร่มเย็นงดงามในเมือง.ซึ่งตอนสายๆนี้ ว่างผู้คน.และก็ปรึกษาปัญหาเรื่อง.."หมดเนื้อหมดตัว เงินไม่มี " กันอย่างซังกะตาย ดีแกนเอง นอกจากไปรับจ้างใช้แรงงาน ก็ไม่เห็นหนทางอื่น.ด้านแวนซ์ก็ดูหมกมุ่นชอบกล

ทันใด แวนซ์ลุกยืน พูดเรื่อยๆ "เฮ้ ดีแกน ตอนทำธนาคารผมรู้จักนักธุรกิจคนนึง..จะลองไปหาเขา..อาจ,, อาจมีอะไร..รออยู่นี่นะ"

นั่นผ่านไปสองชั่วโมงแล้ว ในใจชายกำยำ บึกบึน ผู้ตั้งแต่เกิดใช้ชีวิตคุ้นชินกับการเสี่ยงชีวิต และรอดมาได้อย่างปาฏิหารย์ทุกทีในถิ่นเถื่อน มาเข้าเมืองอย่างนี้ กลายเป็นคนหวาดกลัวภัยเมืองสารพัดไปเลย ยิ่งนานแวนซ์ยังไม่กลับดีแกนก็ยิ่งเพิ่มความห่วงใยสหายวัยหนุ่ม จินตนาการไปสารพัดถึงอุบัติเหตุ หรือนักต้มหมูล่อลวง ที่หนุ่มอ่อนอย่างแวนซ์จะไปพบ.

แต่ ไม่มีสักครั้ง ตั้งแต่กลางดึก หลายอาทิตย์ก่อน บุกเข้าไปในแคมป์อินเดียแดงเหมือนพายุ,ร้องตะโกนแช่งด่า หวดซ้ายป่ายขวาด้วยท่อนไม้หนักๆ และเรื่องก็เป็นอย่างที่วางแผนกัน คืออินเดียนนึกว่า เขาทั้งสองเป็นวิญญาณร้ายตายทรมาน กลับมาแก้แค้น แตกกระเจิง เปิดโอกาศให้ทั้งสองคว้าปืนและสัมภาระคืน หลังจากยิงเปิดทางสั่งสอนไปสองสามเปรี้ยง ก็ถอยออกมาได้ลอยนวล .ตามด้วยการเร่ร่อนเปลี่ยนที่เสาะหาสายแร่ทองต่อไปอีกหลายอาทิตย์ ไม่มีพบ.กลับมาอย่างสิ้นหวัง..ไม่มีสักครั้งที่จะคิดว่า สหายร่วมตายหนีจากไป..

เฮ้ ดีแกน นานกว่าที่คิดนะ โทษที" เสียงทักทายร่าเริงปลุกดีแกนที่กำลังสัปหงก. “ได้เวลาไปหาอะไรมื้อใหญ่ๆ อร่อยๆกินกันแล้ว" แวนซ์ต่อ

กิน? ฮือ ข้าก็ว่าเราต้องหาอะไรกิน- แต่จะเอาเงินที่ไหน คงต้องขายปืน ซึ่งข้าไม่อยากทำ"

ขายปืน? มื้อนี้ไม่ต้อง..เห็นไรไม๊" แวนซ์ล้วงกระเป๋า หยิบเงินปึกไม่ใหญ่ แบ่งใส่มือหนาหยาบของดีแกนหลายใบ. “ใบละร้อยเหรียญทั้งนั้น- เราอยู่ได้สบายๆ จนกว่าจะกลับไป"

กลับไป? แกพูดเรื่องอะไร?” ดีแกนจ้องเงินสูงค่าในมืออย่างงงๆ"

จะเล่าย่อๆนะ- คงเป็นสังหรณ์ หรือเรียกว่าโชคดีของคนโง่ก็ได้,คุณคงจำได้ ผมเก็บก้อนแร่จากชง่อนผามา.และคุณคงนึกออกจำได้ว่า ก้อนหินที่คุณยกทุ่มใส่ไอ้ตัวพวกนั้น บางก้อนมันหนัก..หนักเหมือนตะกั่ว"

อือ ข้าก็สังเกตเหมือนกัน มันหนักเกินหินปรกติ" ดีแกนครุ่นคิด "แต่ไม่ใช่แร่ทองหรอก ข้าแน่ใจ"

ถูก,ไม่ใช่ทอง. สายแร่แบบนี้ตรงนั้นมีเต็มไปหมด.ผมอยู่ใกล้กว่าคุณ เห็นว่า บางก้อนเป็นรูปกลมๆ โผล่ออกมาจากเนื้อหิน ผมจึงเก็บมา..ตะกี้ผมไปหาคนๆนึง เขาเคยเป็นลูกค้าที่ธนาคาร,คนๆนี้คงถูกชะตาชอบหน้าและบริการผมมั๊ง เขาพูดจาดีกับผม. คนนี้คุณอาจเคยได้ยินชื่อ, คาเมรอน ผู้ชำนาญด้านทำเหมือง และผู้จัดการกลุ่มบริษัทเหมือง อรีควิบปะ. ทำหน้าด้านขอเข้าไปพบ อย่างดีเขาก็ไล่ตะเพิดออกมา พอมองเห็นสองก้อนที่ผมเอาให้ดู แกรีบไปปิดล็อคประตูห้องทำงานพูดว่า "ไปได้มาจากไหนวะนี่?"

ผมเล่าไอ้ที่เราเจอมา เมื่อเล่าจบ เขาพิจารณาสองก้อนนั่นต่อซักครู่ และพูดเบาๆว่า "ไอ้ที่เธอเล่ามา ไม่แน่ว่าเรื่องคนบ้าหรือคนเมา แต่ฉันขอเสี่ยงกับพวกเธอ. จะออกทุนให้เต็มที่.ที่เธอต้องทำเดี๋ยวนี้ คือกลับไปที่หุบผานั้น กำหนดจุดที่ตั้งในแผนที่ให้แน่นอนจดไว้ให้ดี และมาอ้างสิทธิ์ เอามันทั้งภูเขานั่นแหละที่สำนักงานจดกรรมสิทธิ์..เพื่อนเธอเขาชำนาญทางนี้ เขารู้ว่าควรเตรียมอะไรไปบ้าง.ไปร้านอุปกรณ์เดินป่าราม่อน เลือกหยิบได้ตามใจ บอกว่า คิดเงินที่ฉัน.ทิ้งสองก้อนนี่ไว้กับฉัน เอาติดตัวไปอันตรายว่ะ กลับไปทันที ห้ามฉลองห้ามเมา เป็นอันขาด !จนกว่าจะจดทะเบียนอ้างสิทธิ์ในแหล่งแร่เสร็จเรียบร้อย ..และเธอจะเต็มใจไหม? แบ่งกันห้าสิบห้าสิบ?”

ผมพูดไม่ออก ได้แต่พยักหน้า"

ตกลงตามนั้น ก่อนเดินทางกลับมาหาฉันก่อนนะ..โชคดีนะ"

แต่มันก้อนอะไรน่ะ?" ผมถาม ทั้งงง ทั้งดีใจ

ก้อนอะไร?”ตายห่ะ เธอถามว่าก้อนอะไร? ไอ้หนุ่มโชคดี มันเป็นก้อนแร่พิสเบลนด์ มีเรเดียม ผสมอยู่มากที่สุดที่ฉันเคยเห็น. ราคาสองก้อนนี้ สวรรค์จึงจะรู้มั๊งว่าเท่าไร.โอ.เธอคงมีแค่นี้ใช่ไหม? ฉันจะรีบไปให้ธนาคารตีราคา เขาเขียนเช็ค แกรกๆ ไม่ลังเล"

ก่อนที่ผมจะตั้งตัวติด เขาก็ไล่ผมออกมาให้ไปตามคำสั่ง .เรื่องมีแค่นี้แหละ.ไปหาอะไรอร่อยๆ มื้อใหญ่ๆ กินกันก่อนเหอะ ที่ผ่านมานี่พวกเราเคี้ยวหนอนเคี้ยวแมลง แก้หิวมานานแล้ว ไปหาอาหารที่สมควรกะมนุษย์กินกันก่อน"







เออ คุณแวนซ์ ผมว่านามสกุลกลางของคุณต้องเป็น"มีโชค" แน่ๆ ผมโชคดีสุดๆที่ได้มาเป็นหุ้นส่วนกับคุณ.” ดีแกนพูดช้าๆ "ใช่ กินกันก่อน แล้วย้อนรอยกลับไป ระเบิดไอ้ตัวผิวหวีดหรือไอ้อินเดียนให้ราบเรียบ" ดีแกนเสริมดุเดือด ก่อนจะลุกยืน และสองสหายนักผจญภัยก็ก้าวเข้าไปในตัวเมือง และ ไปสู่ความมั่งคั่งร่ำรวยที่สมควรได้รับ...

----------------------------------------------------------